กลับมาต่อกันเลยครับ กับการท่องนครวัดในวันที่ 2 ในวันนี้เราได้วางแผนกันไว้ว่า จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดกันครับ ซึ่งผมได้อ่านรีวีวจากระทู้ในพันทิปมา เลยตั้งใจมาเพื่อสิ่งนี้เลยครับ จัดไป ตื่นมาตอน 4.30 น. ครับ อากาศเย็นๆไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ แต่ผมก็ใส่เสื้อกันหนาวไปเผื่อ (ก่อนจะรู้ว่าคิดผิดซะแล้ว) ตอนเช้าป้าเผือดและสามีก็ได้ขับรถคันจิ๋วคันเดิมออกมาส่งเราครับ จอดเดินไกลหน่อย เมื่อเข้าไปถึงนครวัด เราก็พบว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้มาถึงก่อนพวกเราและจับจองที่นั่งหน้าสุดไปหมดแล้ว ที่เราทำได้ก็เพียงแทรกตัวเข้าไปหาที่ว่างที่ยังจะพอมีอยู่ เข้าไปให้ใกล้สระน้ำให้มากที่สุด เพราะต้องการเก็บเงาพระอาทิตย์และนครวัดที่สะท้อนบนผืนน้ำให้ได้ครับ
 |
คนเยอะมากโดยเฉพาะทัวร์จีน ผมก็พยายามหาที่ว่างวางขาตั้งกล้องไว้ซะหน่อย สบาย รอพระอาทิตย์ขึ้นอย่างเดียวละทีนี้ |
หลังจากนั้นผมก็รอไปเรื่อยๆครับ ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่โผล่มาซะที 6 โมงกว่าละ ก็ยังไม่มา ระหว่างนี้ผมก็ขยับขาตั้งกล้องเข้าไปเรื่องๆครับ เพราะบางคนก็เริ่มยอมแพ้ละ ถอยออกมา หวานสิครับ 555 และในที่สุดดวงอาทิตย์ก็เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้ว
 |
วินาทีนี้ สิ่งที่นักท่องเทีย่วทุกคนทำคือ ยกกล้องขึ้นมาและรัวชัตเตอร์เสียงลั่นไปหมด |
ทันทีที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นตัวปราสาทออกมา สิ่งที่ทุกคนทำคือยกกล้องที่ตัวเองถืออยู่รัวชัตเตอร์กันสนั่นไปหมด ผมก็รัวเช่นกัน ถ่ายมาเรื่อยๆครับ หลายๆมุมเผื่อไว้ จะเอาไปอัดกรอบประดับบ้านไว้ครับ 555 ว่าครั้งหนึ่งได้มาดูแล้วนะเนี่ย พระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด เหมือนที่ ท่านอาโนลด์ ทอยน์บี นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษได้กล่าวไว้ว่า "See Angkor Wat and Die" มันสวยงามสมกับที่ตื่นมารอตั้งแต่ตีสี่จริงๆ มีบางช่วงที่ผมหยุดถ่ายภาพแล้วยืนซึมซับบรรยากาศเอาไว้ด้วย มัวแต่ถ่ายรูปเพลินเดี๋ยวพลาดบรรยากาศแล้วจะเสียดายทีหลัง

ผมก็ถ่ายมาไว้เยอะครับเผื่อเลือกเพราะคงไม่ได้มาเที่ยวบ่อยนักหรอก แนะนำว่าถ้าใครยังไม่เคยมาที่นี่ก็ให้ลองมาดูครับ มันรู้สึกดีนะ ได้เห็นภาพที่เราเคยเห็นตามนิตรสารท่องเที่ยว หนังสือ หรือโปสการ์ดมาอยู่ตรงหน้าเรา ฟินเลยทีเดียว สำหรับที่นครวัดในตอนเช้าผมใช้เวลาอยู่นานทีเดียวครับ จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลอยสูงขึ้น และแสงแดดมีความแรงขึ้นจนภาพเริ่มย้อนแสงมากขึ้นจึงหยุดครับ และด้วยความที่ผมและแม่ได้เห็นนักท่องเที่ยวเขาพากันปั่นจักรยานเที่ยวกัน ผมจึงอยากลองบ้าง ป้าเผือดก็เลยพาเราไปที่ร้านเช่าจักรยานที่อยู่ในตัวเมืองต่อ ปรากฏว่าได้เจ้าของร้านรู้จักกันกับป้าแก ก็เลยให้ยืมมาเฉยๆ ใจดีจัง ^_^ ขอบคุณแทบไม่ทันเลย
 |
ภาพนี้เกือบดีแล้ว แต่ติดหัวนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง T_T เสียดาย |
 |
ลองถ่ายแนวตั้งบ้าง หลบคนซะหน่อย |
 |
จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวอยู่ทุกมุมเลยครับ ก็ไม่รู้ว่าเขาไปถ่ายอะไรกันตรงนั้นนะครับ |
 |
เย้!! คนออกไปหมดแล้ว ได้เก็บภาพแบบเต็มๆซะที โชคดีจัง |
 |
ลองซูมเข้าไปอีกนิดก็ได้มุมที่ไม่เลวครับ แดดเริ่มแรงแล้วตอนนี้ |
คลิปสั้นๆ ตอนพระอาทิตย์ขึ้น
 |
นักท่องเที่ยวที่มาช้าก็ต้องมาปักหลักมุมนี้แทนครับ เยอะมากๆ |
 |
ถ่ายภาพหมู่กับป้าเผือดและสามีแกหน่อย คุยกับแกแกบอกว่า อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยมานครวัดตอนเช้าเลย เพิ่งรู้ว่าเขามีคนมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้ด้วย |
 |
ผู้เขียนขอภาพเดี่ยวซักรูป เยี่ยมครับ ต้องมาอีกแน่นอน |
หลังจากออกมาจากนครวัดและไปยืมจักรยานมาแล้วเรียบร้อย ลืมบอกไปครับว่าร้านจักรยานที่เราไปยืมมาจะอยู่ติดทางหลวงหมายเลข 6 ครับ ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักผ่านกลางเมืองเลยครับ
 |
ร้านจักรยานที่เราไปยืมมาครับ โซนนี้จะมีร้านเช้าจักรยานเยอะครับ ตามพิกัดไปเลย กดตรงนี้ |
จากนั้นเราก็เริ่มปั่นไปหาแลกเงิน US ไว้ก่อนเลยครับ เพราะที่นี่จะใช้เงินดอลล่าเป็นหลักมากกว่าเงินเรียลของกัมพูชาเสียอีก เวลาถามราคาสินค้าอะไรส่วนใหญ่จะบอกหน่วยเป็นดอลล่าตลอด จะได้ไม่เสียเวลาคำนวนกันอีก ตอนนี้ความรู้สึกในการปั่นจักรยานเปลี่ยนไปแล้วครับ ดูฝรั่งปั่นก็เหมือนง่ายๆ พอลองมาปั่นเองต้องปั่นเลนขวา ต้องมาจูนสมองใหม่อีก เลี้ยวเข้าผิดเลนนี่ยุ่งเลยนะเนี่ย หลักจากปั่นออกจากร้านจักรยาน เราก็ปั่นตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 6 ไปเรื่อยๆที่ เริ่มจะเข้าที่ละ ดูเหมือนที่รถยนต์ รถมเตอร์ไซค์ที่นี่จะค่อนข้างให้เกียรติรถจักรยานอยู่เหมือนกันครับ ค่อยยังชั่วหน่อย ปั่นๆไปเรื่อยๆระหว่างทางจะเจอกับศาลอะไรไม่รู้ครับ เห็นมีคนกัมพูชามาไหว้เยอะ แต่ผมไม่ได้หยุดเข้าไปดูครับ ขับผ่านไปเลยเพราะพยายามทำเวลากับการเที่ยวปราสาทก่อน เวลาเหลืออาจจะแวะเข้ามาดูครับ
สำหรับเส้นทางการปั่นไปยังทางเข้าของนครวัดหลังจากขับตรงมาเรื่อยๆแล้วถ้าเจอวงเวียนตรงนี้ แสดงว่ามาถูกทางแล้วครับ ให้ทำการวนขวาเพื่อเข้าวงเวียน ย้ำนะครับ วนขวาครับ อย่าไปวนซ้ายนะ 555 แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางถนน Charles De Gaulle ก็คือเส้นในรูปนี่แหละครับ ตรงไปเลย ปั่นตรงไปเรื่อยๆเลย ประมาณ 2.8 กิโลเมตร เราจะเจอที่ขายตั๋วเข้าชมนครวัดครับ หากใครยังไม่ได้ซื้อก็แวะซื้อได้เลยครับ ถึงซื้อมาแล้ว คนตรวจตั๋วก็โบกเราอยู่ดีครับ เพราะเขากลัวว่าถ้าเราปั่นไปโดยยังไม่ซื้อตั๋วจะเป็นการไปโดยเสียเที่ยวครับ เพราะจะเข้าชมอะไรไม่ได้เลย ซื้อซองใส่สำหรับใส่บัตรไว้ห้อยคอด้วยก็ดีครับจะได้ไม่ต้องควักออกมาโชว์ให้ยุ่งยาก สำหรับผม ผมซื้อตั๋วเข้าชมแบบ 1 วัน ราคา 20 ดอลล่า ครับ
เพราะกะจะเที่ยวแค่วันเดียวครับ ซึ่งต่อมาผมคิดว่าผมตัดสินใจถูกแล้ว
 |
ตั๋วเข้าชมนครวัดแบบ 1 วัน ราคา 20 ดอลล่า พร้อมซองใสกันน้ำ จะมีรูปเราติดอยู่ด้วยเลย |
สำหรับระยะทางคร่าวๆจากวงเวียนจุดเริ่มต้นของเราไปจนถึงนครวัดจะมีระยะทางประมาณ 6.4 กิโลเมตรครับ ปั่นไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบครับ ถนนในเมืองทำดีมากครับ ปั่นสนุก ตอนเช้าๆอากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่ผมซึ่งใส่เสื้อกันหนาวมาด้วยนี่ไม่ไหวครับ ต้องถอดเก็บ ควรเตรียมน้ำดื่มหรือของกินมาด้วยก็ดีครับ เพราะระหว่างทางจะหาซื้อยาก และแพงกว่าในเมืองมากครับ ผมเจอโค้กกระป๋องละ 1 เหรียญครับ
 |
เส้นทางจากถนน Charles De Gaulle ไปสู่นครวัด |
 |
ปั่นจักรยานไม่ต้องกลัวเหงาครับ มีเพื่อนร่วมทางตลอดทาง |
 |
หรือใครขี้เกียจปั่นก็นั่งรถสามล้อรับจ้างเอาครับ สบายๆ อยากจอดถ่ายรูปตรงไหนก็บอกคนขับได้เลย |
 |
ขอถ่ายกับป้าย Welcome หน่อย ว่ามาถึงแล้ว |
โดยจุดหมายแรกของเรานั้นไม่ใช่นครวัดครับแต่เป็นปราสาทตาพรหมอันโด่งดังไม่แพ้กัน เมื่อมาถึงทางสามแยกข้างหน้าหากเลี้ยวซ้ายไปอีก 1.4 กิโลเมตรก็จะถึงนครวัดในเวลาไม่นานครับ
ผมจึงเลี้ยวขวาเพื่อไปสู่ปราสาทตาพรหมแทนครับ
 |
3 แยก เลี้ยวซ้ายจะไปโผล่ที่หน้านครวัด เลี้ยวขวาเป็นเส้นทางไปปราสาทตาพรหมและปราสาทอื่นๆ |
หลังจากเลี้ยวขวาไปเจอสามแยกที่สระสรง (
Srah Srang)เราก็หลงทางครับ เพราะว่าโทรศัพท์ที่ใช้ซิม 3G ของกัมพูชาดันไม่มีสัญญาณในนครวัดเอาดื้อๆ (ซะงั้น) ปั่นไปเจอ 3 แยกอีก
เราก็เลยติดสินใจว่าเลี้ยวขวา น่าจะไปถึงปราสาทตาพรหมได้
 |
สามแยกเจ้าปัญหา |
 |
แล้วหลักกิโลก็ไม่บอกอะไรตูเลยว่าเลี้ยวซ้ายไปก็เจอปราสาทตาพรหมแล้ว T_T |
มาดูภาพกันครับว่าเส้นทางการปั่นหลังจากนี้ของผมและแม่จะเป็นยังไง โดยเส้นทางที่ผมปั่นไปนั้น เรียกว่าเส้นทาง Grand Tour ครับ กล่าวคือ เส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางที่นำไปเจอปราสาทในเขตนครวัด นครธมทั้งหมดเลยครับ ซึ่งถ้าเราเดินไหวก็จะคุ้มครับ เพราะแต่ละปราสาทก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป มีวิวสวยๆเยอะครับ หากนั่งรถยนต์หรือตุ๊กๆมาก็สบายครับ แต่ถ้าปั่นจักรยานนี่เหนื่อยแทบเป็นลม 555
 |
เส้นทางจริงที่ควรจะไป แค่ 6 กิโลเมตรเอง
|
 |
และนี่คือเส้นทางที่เราปั่นกันครับ เป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรจากสามแยกแรกที่เราเลี้ยวมา |
เราตัดสินใจปั่นต่อไปหลังจากที่รู้ว่าหลงทางแล้ว เพราะคิดว่าไหนๆก็มาแล้ว ก็ปั่นให้มันสุดไปเลย
 |
ออกมานอกเมืองเส้นทางแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ถนนแคบลง รถทัวร์ รถตุ๊กๆก็เยอะ ปั่นไปก็ระแวงหลังไปครับงานนี้ |
 |
ตรงนี้เป็นปราสาทที่เราผ่านและแวะเข้าไปดูครับ ปราสาทแม่บุญตะวันออก Eastern Mebon |
 |
ปั่นเรื่อยๆจนมาถึงปราสาทนาคพัน (Neak Pean) แต่ไม่ได้เข้าไปดูครับ
ปั่นเลยมาหน่อยก็เจอสะพานนี้พอดีเลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย |
 |
อารมณ์ตอนนี้คือ เหนื่อย เหนื่อย และ เหนื่อยครับ |
พอปั่นมาได้จนเกือบเที่ยงผมกับแม่จึงแวะกินข้าวที่ร้านริมทาง ตรงข้ามปราสาทพระกาฬครับ (
Preah Khan Temple) และก็ได้รู้ซึ้งถึงความแพงของอาหารและน้ำที่นี่ ในเมนูก็จะมีอาหารจำพวกข้าวผัดต่างๆ ผัดมาม่า จานละ 2.5 ดอลล่าครับ น้ำโค้กกระป๋องละ 1 ดอลล่า ไม่กินก็ไม่ได้หิว ก็จัดเลยครับ อาหารก็พอใช้ได้ครับรสชาติกลางๆ
 |
นอกจากน้ำเย็นๆแล้วยังมีน้ำมะพร้าวสดๆขายอีกด้วย ฝั่งตรงข้ามนั่นคือปราสาทพระกาฬครับ |
 |
จักรยานของผมเอง ส่วนจักรยานไฟฟ้านั่นของฝรั่งโต๊ะข้างๆ เห็นแล้วน่าจะสบายดี เหนื่อยก็บิดคันเร่งเอา |
พอมาถึงตรงนี้ขาผมเริ่มตึงๆละ เพราะไม่เคยปั่นจักรยานไกลขนาดนี้มาก่อนหลายปีแล้วครับ 555 อาศัยพลังอะดรีนาลีนล้วนๆครับ ซึ่งตอนนี้พอนั่งพักมันเริ่มหมดแฮะ ลุกขึ้นยืนนี่ขาสั่นเลย ก็เลยไปเดินยืดเส้นที่ปราสาทพระกาฬเอา แต่เดินไปแค่หน้าประตูแค่นั้นแหละครับ เหนื่อย
 |
ทางเข้าปราสาทร่มรื่นดีครับ มีไก่ด้วย |
 |
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
 |
รูปแกะสลักต่างๆค่อนข้างทรุดโทรมครับ |
 |
สภาพป่ายังอุดมสมบูรณ์มาก ถ้ามองแค่นี้ผมนึกว่าอยู่กลางป่าดงดิบเลยนะเนี่ย |
 |
มาถึงแค่นี้พอ เดินไม่ไหวละครับ กลับไปปั่นจักรยานต่อดีกว่า |
ปั่นต่อมาเรื่อย ไม่นานก็มาถึงประตูนครธมทางทิศเหนือ ก็จอดถ่ายรูปนิดหน่อยครับ แสงกำลังสวยเลย มีนักท่องเที่ยวจอดรถถ่ายแถวนี้เยอะมาก ที่สำคัญคือประตูเหล่านี้ยังถูกใช้งานอยู่ทุกวันครับ ได้บรรยากาศมากๆ บางทีก็มีชาวบ้านต้อนวัวผ่านมาด้วย
 |
ยานพาหนะสุดฮิตในกัมพูชา โมโต นั่นเอง |
 |
ชาวกัมพูชาเจ้าถิ่นปั่นจักรยานผ่านมาพอดี เลยขอถอดรูปหน่อยละกันครับ ที่นี่คำว่าถ่ายรูป เขาใช้คำว่าถอดรูปครับ |
 |
แม่ผู้เขียนเอง |
 |
และผู้เขียนเอง เหนื่อยขนาดไหนก็ต้องทำเป็นสดชื่นครับ ไม่งั้นเอามาดูมันจะไม่สดใส 55 |
พอปั่นเข้ามาในนครธม พอถึงลานชนช้าง จะเจอสามแยกตรงนี้ก็เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังปราสาทตาพรหมครับ ปั่นไปเรื่อยๆก็จะเจอกับประตูชัย (
Victory Gate) ตรงนี้ผมเห็นแสงสวยดี ก็เลยจอดถ่ายรูปซะนานเลย เสียเวลาไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ตามที่กะไว้ยังไงก็ไปถึงปราสาทตาพรหมทันแน่นอน ตามใจฉันทัวร์จริงๆเลย
 |
ถ่ายจักรยานคู่ชีพซะหน่อย |
 |
ลองถ่ายรูปออกมาแบบขาวดำดูก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ |
 |
แสงตอนบ่ายช่วยเสริมให้บรรยากาศดูมีมนต์ขลังมากขึ้น |
ดเก
 |
พอปั่นมาถึงทำเอารองเท้าผมพังไปข้างหนึ่งเลยครับ อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน |
 |
กว่าจะมาถึง พลังแทบหมด |
 |
มาถึงแล้วว้อยยย |
 |
ก่อนถึงตัวปราสาทจะมีแผนผังและมุมมหาชนให้เราดูครับ ดูไว้ก่อนก็ดีครับ เข้าไปเดี๋ยวงงว่าไม่รู้จะถ่ายมุมไหน |
 |
มุมนี้ผมชอบมาก เป็นวงมโหรีย์ ค่อยบรรเลงเพลงสร้างบรรยากาศ ใครชอบก็อุดหนุนแผ่นซีดีของเค้าได้ครับ |
เพลงก็ประมาณนี้ครับ ฟังเพลินๆดี
 |
ทางเดินเข้าสู่ตัวปราสาท ต้นไม้ใหญ่ๆเยอะมากครับ |
สำหรับตัวปราสาทตาพรหมนั้น จัดว่าอยู่ในขั้นทรุดโทรมกว่าปราสาทหลังอื่นๆเลยครับ เพราะว่าในช่วงที่มีการเปลี่ยนการนับถือศาสนาในกัมพูชาจากศาสนาพุทธเป็นศาสนาฮินดู ได้มีการเข้ามาทุบทำลายรูปสลักและรูปปั้นต่างๆจนเกือบหมดสิ้น ที่นี่จึงไม่ค่อยมีภาพแกะสลักลงเหลืออยู่ซักเท่าไหร่ และด้วยกาลเวลาที่ผ่านไป ทำไมมีต้นไม้งอกและเติบโตขึ้นมาบนตัวปราสาท ซึ่งทางรัฐบาลกัมพูชานั้นต้องการจะอนุรักษ์ปราสาทไว้พร้อมๆกับต้นไม้ ซึ่งก็ต้องใช้กรรมวิธีต่างๆที่จะรักษาสภาพตัวปราสาทให้อยู่ในสภาพเดิมให้นานที่สุด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวันไหนที่จะต้องตัดต้นไม้ถึง ใครที่ยังไม่เคยไปควรไปดูนะครับ คุณจะพบกับความมหัศจรรย์และปนความลึกลับของปราสาทแห่งนี้ครับ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์จนได้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนต์ Tomb Raider ที่นำแสดงโดยแองเจลิน่า โจลีย์ครับ
--------------------------------------------------------