วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

ปั่นจักรยาน ท่องรอบนครวัด นครธม Cambodia Day 1

                  สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า สิ่งที่จุดประกายทริปนี้ของผมมาจากกระทู้หนึ่งในเว็ปไซต์ Pantip.com ครับ ตามลิงค์นี้ http://pantip.com/topic/32625958 ทันที่ที่ได้เห็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นโดยมีฉากหน้าเป็นนครวัด ผมบอกตัวเองเลยว่า กูต้องไปให้ได้ ไม่มีคนไปด้วยไม่เป็นไร กูจะไปคนเดียว คิดได้ก็จัดการวางแผนการเดินทางเลย ว่าจะไปที่ไหนบ้างตามลำดับก่อนหลัง วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวช่วงหยุดปีใหม่นี่แหละ วันที่ 2-4 มกราคม 2558 เลยลองถามแม่ดู แม่ก็อยากไปด้วย ก็พอดีเลย มีคนหารค่ารถค่ากิน ทริปนี้จึงเป็นจริง โดยผมขับมอเตอร์ไซค์จากขอนแก่นกลับบ้านไปเพื่อไปรับแม่และเตรียมของสำหรับทริปนี้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องจอมตั้งแต่เช้ามืด เพราะช่วงปีใหม่รถเยอะมาก
ระหว่างทางไปด่านครับ ออกมากันเช้ามากๆ

ข้ามเข้ามาฝั่งกัมพูชาแล้ว
บรรยากาศบริเวณกาสิโนโอเสม็ด
รถแท็กซี่แคมรี่รับจ้าง ราคาแพงหูฉี
หลังจากดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองจากฝั่งไทยแล้ว ก็ต้องไปทำการปั๊มตราที่ฝั่งกัมพูชาอีกรอบหนึ่ง มีค่าธรรมเนียมเป็นค่าเหยียบแผ่นดิน 100 บาท ก็จ่ายเงินเรียบร้อย แต่ไม่ได้ใบเสร็จ (- -") ก็มายืนรอคนรู้จักจากฝั่งกัมพูชาที่นัดกันไว้ว่าจะมารับ ปฏิเสธไป

ระหว่างนี้ก็มีรถแท็กซี่วนเวียนเข้ามาถามกันมากมาย พอเห็นว่าเราไม่สนใจก็เริ่มงัดลูกไม้ต่างๆ นาๆ มา ทั้งมาแบบหวังดี ขอเบอร์โทรศัพท์คนที่จะมารับ แต่ผมรู้ทัน คงจะโทรไปแล้วบอกว่า ผมกับแม่ไปกับเขาแล้ว ไม่ต้องมารับแน่เลย 555 ผมก็เลยบอกปฏิเสธไป


รถรับจ้างมีทั้งมอเตอร์ไซค์ สามล้อ รถเก๋ง

ระหว่างนี้ก็ยืนรอไปเดินเล่น เดินถ่ายรูป เดินไปดูในกาสิโน ว่าเขาเล่นอะไรกันบ้าง ก็เห็นมีตู้สล็อต เล่นบัคคาร่ากัน คนไทยทั้งนั้น ยืนรอไปจนเริ่มร้อนละ จาก 7 โมงเช้า รอไปจนถึง 10 โมงเช้า รถถึงมารับ

เพื่อนร่วมทริป แม่ผมเอง
และผมเองครับ


ทางหลวงสาย 68 ถนนสภาพดีพอสมควร 
 หลังจากที่มีคนมารับแล้วก็ออกเดินทางกันเลย โดยมีจุดหมายปลายทางที่อำเภอโภค จังหวัด เสียมราฐ ซึ่งเป็นบ้านของป้าเผือด ชาวกัมพูชาที่มารับเรานั่นเอง สำหรับการนำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาขับในกัมพูชานั้นไม่ยุ่งยากครับ แต่มีพาสปอร์ตรถ ก็ทำเรื่องผ่านศุลกากรเข้ามาได้แล้วครับ ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ ตอนนี้ยังไม่มีกฏหมายรองรับครับ หากจะขับเข้าไปต้องติดต่อไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชาเพื่อดำเนินการขออนุณาตเป็นครั้งๆไป และต้องมีไกด์ท้องถิ่นอยู่ในคณะทัวร์ด้วยทุกครั้ง ก็ได้แต่หวังว่าหลังจากมีการเปิด AEC แล้ว อะไรๆมันจะง่ายขึ้นกว่านี้ครับ สำหรับเส้นทางของเราจะเดินทางจาก ช่องจอม-โอเสม็ด ตรงมาตามทางหลวงสาย 68 เลี้ยวซ้ายที่สามแยกอำเภอสำโรง ผ่านอำเภอจงกัล แล้วไปเลี้ยวขวาที่อำเภอกลันญ์ เพื่อเข้าสู่ทางหลวงสาย 6 มุ่งตรงไปสู่อำเภอโภค จังหวัดเสียมราฐ กว่าจะไปถึงก็กินเวลาเข้าเป็นเกือบเที่ยงแล้วครับ ไปถึงบ้านที่พักก็รีบเก็บของ นั่งพักกินข้าวเที่ยงแบบบ้านๆนั่นแหละครับ เขาทำอะไรมาให้กินก็กินไป เป็นขนมจีนใส่น้ำยาสไตล์กัมพูชา
มีปั๊มน้ำมันเป็นระยะ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำมันหมด

เอกลักษณ์ของกัมพูชาอีกอย่างหนึ่งคือ วงเวียนมักมีลักษณ์แบบนี้
 แล
ผ่านทุ่งนาอันเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา

แวะร้านขายเม็ดบัวข้างทาง

ต้นตาลในกัมพูชามีเยอะมาก ทำให้มีลูกตาลขายอยู่แทบทุกมุมถนนในเสียมราฐเลย

หลังจากพักกินข้าวเรียบร้อยแล้ว จุดหมายแรกของเราวันนี้ก็คือ Cambodia War Museum 


ผู้เขียนกับซากรถถัง T-54 ของโซเวียต

เป็นพิพิธภัณฑ์สงครามแห่งเดียวในเสียมราฐ จัดแสดงเศษซากและประวัติศาสตร์จากสงครามเขมร 3 ฝ่าย ซึ่งได้แก่ เขมรเสรี เขมรแดง และเขมรคอมมิวนิสต์เวียดนาม เวลาเปิดทำการตั้งแต่ 8.30 น. - 17.30 น. ชาวต่างชาติมีค่าเข้าชมคนละ 5 ดอลล่าร์ รับเฉพาะเงินสด แต่ที่นี่มีไกด์ทัวร์ให้ฟรีสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก และประวัติไกด์ทัวร์แต่ละคนก็เป็นบุคคลร่วมสมัยที่ได้ประสบเหตุในยุคสงครามกลางเมืองมาจริงๆ




จุดเด่นของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือ นักท่องเที่ยวสามารถหยิบจับอาวุธที่วางเรียงรายเหล่านี้มาถ่ายรูปคู่ได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอาวุธเหล่านี้ผ่านมือใครมาแล้วบ้าง สังหารคนไปแล้วกี่ศพ

มีการจัดแสดงอาวุธไว้ด้านนอกเป็นจุดๆด้วย

มีการจัดแสดงอาวุธไว้ด้านนอกเป็นจุดๆด้วย



ไกด์ทัวร์ ผู้ทำหน้าที่บรรยายให้กับนักท่องเที่ยว

นอกจากจะเป็นไกด์แล้วเขายังเป็นเจ้าหน้าที่เก็บกู้กับระเบิดด้วย



ภาพแสดงขั้นตอนการเก็บกู้กับระเบิด
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไป วันที่ผู้เขียนไป ค่อนข้างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวทยอยมาเป็นกลุ่มๆ และไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ นอกจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเศษซากจากสงครามกลางเมือง

เฮลิคอปเตอร์ Mi-8

ผู้เขียนกับเครื่องบินรบ Mig-19

นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงอุปกรณ์ทางทหารในยุคนั้นให้ชมอีก เช่น เสื้อผ้า ธง กับระเบิดแบบต่างๆ ลูกกระสุนปืน

กับระเบิดแบบต่างๆ

เสื้อผ้าของทหารเขมรแดง 

ภาพแสดงถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกับระเบิดในกัมพูชา

อุปกรณ์ต่างๆที่นำมาจัดแสดง

ซากรถถัง T-54 พร้อมประวัติของรถคันนี้ ได้รับการเก็บกู้มาจากสนามรบเก่าในจังหวัดอัลลองเวง

ป้ายเตือนให้ระวังกับระเบิด สร้างบรรยากาศในการเดิน

BM-13 รุ่นพี่ BM-21 ที่เคยใช้ตอนปะทะกับไทยแถวชายแดนเขาพระวิหาร



ภาพแสดงขั้นตอนการกู้ซากรถต่างๆ

ผู้ได้รับผลกระทบจากกับระเบิด มีทั้งขาขา ตาบอด เด็กๆก็มี


หลังจากใช้เวลาเดินเที่ยวอยู่ที่นี่ซักพัก ผมก็ออกเดินทางต่อ แผนต่อไปคือ ไปทะเลสาบกัมพูชาหรือโตนเลสาบครับ โดยวางแผนไว้ว่าจะไปเส้นเขาพนมกรอม ทางทิศใต้ของเสียมราฐ เนื่องจากเห็นว่าใกล้ดี แต่ปรากฏว่าคนขับรถพาไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งไกลกว่าเดิมมาก แต่ทางก็สุดจะกันดาร ทางดินล้วนๆ โชคดีว่าไปหน้าหนาว ถ้าไปหน้าฝนคงดูไม่จืด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีรถบัส รถทัวร์ รถตู้กับเข้าไปและสวนออกมากันมากกมาย 

ระหว่างทางออกจากเสียมราฐ บรรยากาศดีมาก

นี่คือเส้นทางแรกที่เราไป 

ขับผ่านไปเจอเด็กๆกลุ่มใหญ่กำลังเล่นน้ำและเล่นว่าวกันอยู่ แอบเก็บภาพมาหน่อย

ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกลและทางที่กันดารเกินกว่ารถคันเล็กๆจะไปได้ เราจึงถอยกลับแล้วไปยังเส้นทางเดิมที่เคยบอกว่าจะไป ทำให้เสียเวลาไปมากกว่าจะไปถึง 

นี่คือรถประจำทริปของเราครับ สภาพไม่น่าจะขับลุยมาถึงได้ 

แต่แล้วความตั้งใจจะชมทะเลสาปของเราก็ดับวูบเมื่อมาถึงท่าเรือ เพราะค่าเรือโดยสารนั้นแพงมาก ชาวต่างชาติเก็บคนละ 20 ดอลล่าร์ เราจึงเปลี่ยนใจ ไม่นั่งเรือก็ได้แต่ถ่ายภาพแถวท่าเรือมาแทน แล้วก็เปลี่ยนไปเดินขึ้นเขาพนมกรอมเพื่อชมวิวแทน

บรรยากาศยามเย็น แดดกำลังสวยเลย


ป้ายโฆษณาร้านอาหารที่มีการแสดงรำอัปสรา ส่วนใหญ่จะมีราคาค่อนข้างสูง

การขึ้นเขาพนมกรอมต้องเดินขึ้น เหนื่อยมาทั้งวันเจอบันไดเข้าไป ขาสั่นเลยครับ

เมื่อเดินขึ้นมาพ้นบันไดแล้ว ก็ยังไม่ถึงยอด ต้องเดินไปตามถนนคอนกรีตอีกเป็นกิโล เพื่อไปเจอกับบันไดอีกชั้นหนึ่งด้านบน
วิวหมู่บ้านริมน้ำ ส่วนใหญ่ปลูกยกสูง ในฤดูฝนน้ำคงจะท่วมมาถึงแถวนี้

ประตูวัด นี่คือบันไดชั้นที่ 1 นะ

เริ่มสูงขึ้นมาอีกนิด ส่วนใหญ่คนในชุมชนนี้จะเป็นชาวมุสลิมกันครับ เห็นมีมัสยิดอยู่ในหม่บ้านด้วย

เดินไปตามถนนคอนกรีตอีกหลายกิโล

ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงปราสามพนมกรอมจนได้ พร้อมกับคำถามในหัว "ฉันขึ้นมาทำอะไรที่นี่วะ" ไม่อยากจะนึกถึงตอนลงเลย ขาสั่นไปหมดแล้ว

ทางขึ้นไปยังตัวปราสาท มีชาวต่างชาติขึ้นมาด้วยประปราย





หลังจากเดินดูวิวซักครู่ เราก็เดินกลับลงไปคืน เพื่อเดินทางต่อไปยังตลาดกลางคืนในตัวเมืองเสียมราฐ บรรยากาศที่นี่คึกคักน่าดู มีร้านอาหารแบบทำสดๆโชว์กันหน้าร้านเลย ร้านนวดสำหรับคนที่ปวดเมื่อย ที่พักราคาถูก ร้านกาแฟ ร้านเหล้า ร้านของที่ระลึกต่างๆ สามารถหาได้ในโซนนี้ทั้งหมด เราใช้ที่เวลาที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมง 

ถนนเส้นนี้มีชื่อว่า Pub Street

ส่วนโซนนี้เป็นโซนร้านค้า เรียกว่า Night Market

ร้านอาหารหลากหลายแบบ น่ากินทั้งนั้น
สำหรับร้านของที่ระลึกนั้นส่วนใหญ่ก็คล้ายๆกันทุกร้านครับ เวลาซื้อก็ต้องต่อราคา อาจจะได้ราคาถูกกว่าเดิม 
กระเป๋า The North Face ไม่รู้ว่าแท้หรือเทียม ไม่กล้าซื้อ

ของที่ระลึกในแบบต่างๆ

ที่น่าซื้อก็เห็นจะเป็นเสื้อนี่แหละครับ ตัวละ 2 ดอลลาร์

ผ้ากรอมมานี่ก็เป็นของที่ระลึกอีกอย่างที่นิยมกัน จะให้ดีซื้อผ้าแบบที่คนกัมพูชาใช้กัน จะใช้งานได้ดีกว่ามาก เนื้อผ้าจะหยาบๆกว่าของที่ระลึกแบบแพงๆหน่อย

ภาพวาดวิวนครวัด นครธม สวยๆทั้งนั้นครับ น่าซื้อมาก ราคาไม่แพงหลักพันก็มี

หลังจากเดินดูของประมาณ 1ชั่วโมง ท้องก็เริ่มหิวแล้ว ก็เดินไปหาซื้อโรตีกิน แล้วก็กลับไปกินข้าวที่บ้านป้าเผือดที่อำเภอโภค จบการเดินทางในวันแรกครับ เริ่มมีอาการปวดขานิดๆ แต่นอนพักก็คงหาย




-----------------------------------------------------------










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น